ตอนเด็กๆก็ยังชอบซื้อหนังสือนิทานมาอ่านเล่นเรื่อยๆ จนมาจริงจังก็ตอนที่หนังสือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ วรรณกรรมแปลสำหรับเยาวชน เรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในห้องใครไม่อ่านถือว่าเชยมาก ตอนใหม่วางขายเมื่อไหร่ก็ต้องไปเข้าแถวจอง จนเล่มสุดท้ายวางขายตอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคภาษาอังกฤษออกมาก่อนก็ยอม ไม่รอแปล นึกแล้วก็ขำ นับว่าเป็นหนังสือที่ติดตามอ่านและรอคอยให้จบนานที่สุด ถือว่าเป็นประสบการณ์ของการเริ่มต้นการอ่านที่น่าประทับใจ
ระหว่างนั้นก็เริ่มสะสมหนังสือมาเรื่อยๆ ช่วงมัธยมก็จะหนักไปทางนิยาย วรรณกรรม เช่น ไวท์โรด, หัวขโมยแห่งบารามอส, อาเธอร์, เบทเทอร์ รอยัล, เจ้าชายไม่วิเศษ, เจ้าชายไม่พูด, ต้นส้มแสนรัก ฯ หนังสือเด็กๆเบาสมอง อ่านเมื่อว่างจากการเรียน โชคดีที่ครอบครัวไม่เคยคิดว่าการอ่านนิยายเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สนับสนุน สนับสนุนให้อ่านและนำเสนอหนังสือเรื่องใหม่ๆเสมอ ดังนั้นจึงไม่ต้่องห่วงว่าจะอ่านเรื่องไร้สาระไหม ดีแค่ไหน มีประโยชน์หรือไม่ เพราะว่าหนังสือทุกเล่ม คุณป้าและคุณแม่จะอ่านด้วยเสมอ
จนกระทั่งตอนนี้โตขึ้น แนวการอ่านเริ่มเปลี่ยนไป จะมาสนใจหนังสือแนวเสียดสีสังคม บทความเกี่ยวกับแนวความคิดของสังคมในปัจจุบัน
เวลาเปลี่ยนโลกเปลี่ยน เราโตขึ้น อันที่จริงก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าเปลี่ยนแนวการอ่านไป แต่ควรจะเรียกว่า เราเปิดโลกมาขึ้น รับสิ่งใหม่ๆ รับข่าวสารมากขึ้น เป็นการเปิดรับแนวความคิดต่างๆเข้ามาเสริมเติมแต่งในชีวิต ปัจจุบันอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาทดแทน การรับข่าวสารจากสิ่งพิมพ์ จากหนังสือ
แต่เชื่อสิว่า มนต์เสน่ห์ของหนังสือจะไม่จางหายไปจากใจ ต่อให้คอมพิวเตอร์ แทปเลตทันสมัยแค่ไหนก็มาแทนหนังสือไม่ได้ =]